MENU
|
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม l webbord | คำคมนักปราชญ์| ตำนานพื้นบ้าน | รักษ์ดนตรีไทย | มวยไทย | ภาพศิลป์ไทย | สินค้าฝากขาย | เทคนิคโปรแกรม | ที่นี่มีแต่ของฟรี | ลิ้งค์สุดยอด | ติดต่อเรา | |
....
|
จังหวัดสกลนคร
ตำนานพระธาตุนารายณ์เจงเวง
ภูมิหลังของสถานที่
..............พระธาตุนารายณ์เจงเวงหรือปราสาทนารายณ์เจงเวง หรือในบันทึกของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
บันทึกชื่อโบราณสถานแห่งนี้ว่า "อรดีมายานารายณ์เจงเวง" โดยตามตำนานอุรังคธาตุกล่าวถึงโบราณสถานแห่งนี้ว่า
สร้างโดยกลุ่มสตรีของพระนางนาเวงแห่งเมืองหนองหานหลวง แข่งขันกลุ่มสุภาพบุรุษชาวเมืองหนองหานน้อย
เพื่อรอรับพระพระมหากัสสปะเถระ ซึ่งนำพระอุรังคธาตุไปบรรจุยังดอยภูกำพร้า โดยตกลงกันว่า
หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด สามารถสร้างพระธาตุเจดีย์ใหญ่เสร็จก่อนดาวเพ็กขึ้นแล้ว ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะ
..............ตามตำนานกล่าวว่า เมื่อเริ่มก่อพระเจดีย์นั้น ฝ่ายสตรีได้รับคำสบประมาทท้าทายจากฝ่ายชายมาก
แต่ก็ไม่วิตก กล่าวคืนฝ่ายชายว่าไม่มีผู้ใดเก่งเท่านารายณ์ ๔ กร และเมื่อได้เวลาก่อเจดีย์ใหญ่
ฝ่ายหญิงได้ไป ชักชวนฝ่ายชายให้ทิ้งงานและทำโคมไฟแขวนขึ้นเหนือยอดไม้ชักชวนให้เพื่อนๆ
ที่ก่อเจดีย์ใหญ่ทิ้งงาน เพราะ
ดาวเพ็กขึ้นแล้ว จึงเป็นอันว่าฝ่ายหญิงของพระนารายณ์เจงเวงได้ชัยชนะ เพราะกลอุบายของฝ่ายหญิง
ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้เรียกชื่อโบราณสถานทั้งสองแห่งตามที่มาของการก่อสร้างว่า อรดีมายานารายณ์เจงเวง
และดอย แท่นภูเพ็กมุสา
..............ตำนานอุรังคธาตุนิทานยังกล่าวด้วยว่า เมื่อพระมหากัสสปเถระและคณะบริวารเดินทางมาถึงเมือง
หนองหานหลวง เมื่อสตรีชาวเมืองหนองหานทูลขอแบ่งอุรังคธาตุ (กระดูกหน้าอก) ของสมเด็จพระสัมมา
สัมพุทธเจ้า พระมหาเถระผู้ใหญ่มิได้ทรงอนุญาตด้วยผิดวัตถุประสงค์ที่พระพุทธองค์ที่ตรัสไว้ให้นำอุรังคธาตุ
ไปประดิษฐานบรรจุเจดีย์ที่ภูกำพร้า กลางลำน้ำโขง (ธาตุพนมปัจจุบัน) แต่มิให้เสียศรัทธา
พระมหากัสสัปะเถระผู้ใหญ่ จึงมอบให้พระอรหันต์รูปหนึ่ง ไปนำเถ้าอังคารจากที่ถวายพระเพลิงศพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มาประดิษฐานไว้ในพระเจดีย์กลุ่มสตรีเมืองหนองหานหลวงแห่งนี้ จึงนับว่าเป็นโบราณสถานที่สำคัญของ
เมืองสกลนคร
ลักษณะทางกายภาพและปัญหา
๑. สภาพสิ่งแวดล้อมทางโบราณสถาน สภาพสิ่งแวดล้อมโบราณสถานที่มีปัญหาคือ การสร้างรั้วเหล็กรอบองค์พระธาตุในระยะกระชั้นชิด
ทำ
ให้เกิดปัญหา ๒ ประการคือ
๑. เป็นการบดบังองค์พระธาตุ หรือตัวปราสาท ในแง่ของสิ่งแวดล้อมโบราณสถาน ถือว่าเป็นการสร้าง
สิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
๒. ในแง่กฏหมายโบราณสถานของกรมศิลปากร การสร้างรั้วเหล็กในระยะประชิดตัวโบราณสถาน
ถือว่าผิดระเบียบอย่างน้อยต้องสร้างห่างจากตัวโบราณสถาน ๑๐ เมตร และต้องไม่บดบังทำลายความงามหรือ
เกิดทัศนะอุจาดขึ้น อย่างไรก็ตามเจ้าอาวาสวัดพระธาตุนารายณ์เจงเวงก็ชี้เหตุผลในการสร้างรั้วเหล็กล้อมรอบองค์พระ
ธาตุว่า เกิดจากสุนัขเข้าไปถ่ายมูล และมีวัยรุ่นไปหลบมุมนั่งพลอดรักตามมุมองค์พระธาตุ
ทำให้พุทธศาสนิกชนเสียศรัทธา เมื่อมาไหว้องค์พระธาตุ เมี่อกั้นรั้วแล้วทำให้หมดปัญหาไป
๒. สภาพเขตพุทธาวาส - เขตสังฆาวาส สภาพเขตพุทธาวาส และเขตสังฆาวาสแยกออกจากกัน
เขตพุทธาวาสอยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้
และทิศใต้ของโบราณสถาน ส่วนเขตสังฆาวาส คือ ศาลา หอฉัน และองค์พระธาตุอยู่ทางด้านตรงข้าม
๓. ทางเข้า ที่จอดรถ มุมมอง การใช้ที่ดินข้างเคียง บริเวณวัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง
ส่วนหนึ่งด้านตรงข้ามกับโบราณสถานใช้เป็นที่จอดรถยนต์ทุก
ประเภทได้ แต่ทางเข้าวัดไม่ค่อยสะดวกนัก เพราะเป็นบริเวณตลาดการค้า จึงมียวดยานพาหนะขวางถนนอยู่
เสมอคาดว่าคงจะแก้ปัญหาได้ เมื่อตลาดแห่งนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของเทศบาล ปัญหาของภูมิสถาปัตย์
๑. สภาพของตัวสถาปัตย์ ศิลปกรรม
สภาพของตัวสถาปัตย์ ศิลปกรรมขององค์พระธาตุเจดีย์เป็นปราสาททรายขนาดกลาง ก่อด้วยหิน
แลทไลท์ ส่วนฐานส่วนบนก่อด้วยหินทราย มีหน้าบันด้านทิศตะวันออกสลักเป็นภาพศิวนาฏราช
หน้าบันทิศ เหนือสลักเป็นภาพพระนารายณ์หรือพระวิษณุบรรทมเหนือทะเลน้ำนม (นารายณ์บรรทมสินธุ์)
ส่วนทับหลังมี
ครบทั้ง ๔ ทิศ โดยการเปรียบเทียบตามหลักประติมาณวิทยา (Iconnography) และลักษณะทางรูปแบบ
ศิลปกรรม (Art Style) จะเป็นศิลปะแบบขอมในสมัยปาปวน ซึ่งมีอายุในราวพุทธศตวรรษ
๑๕๕๐ - ๑๖๕๐ ทั้งสิ้นยกเว้นทับหลังด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นเรื่องเล่าการยกทัพจับศึก
คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่นำเข้าไปเพิ่มในเวลา
ต่อมา อย่างไรก็ตามสภาพของตัวโบราณที่ยังไม่สมบูรณ์นี้ เป็นผลมาจากการบูรณะซ่อมแซมโดยวิธี
อนัตติโลซิส ระหว่างพ.ศ.๒๕๒๑ - ๒๕๒๕
สภาพปัญหามิใช่อยู่ที่ตัวโบราณสถาน แต่หากอยู่ที่การจัดสภาพแวดล้อม เช่น การทำล้อมรั้ว
การติด โคมไฟเหนือยอดปราสาท เป็นต้น
๒. องค์ประกอบของตัวสถาปัตย์ เป็นหิน ๒ ชนิด คือ หินแลทไลท์ แต่งเป็นก้อนขนาดใหญ่
บางส่วนเสริมด้วยหินแกรนิตและหินทราย ซึ่ง
คาดว่าส่วนหนึ่งนำเข้ามาเสริมให้สมบูรณ์เมื่อมีการซ่อมแซมบูรณะครั้งใหญ่
๓. องค์ประกอบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ เนื่องจากทางวัดถือว่าเป็นผู้ดูแลโบราณสถานแห่งนี้
ด้วยสาธารณูปโภค สาธารณูปการใช้ของวัดทั้งสิ้น
ยังมิได้เป็นโบราณสถานที่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรับผิดชอบแยกไปต่างหาก เช่น ปราสาทพนมรุ้ง
ที่กรมศิลปากร รับผิดชอบโดยเฉพาะ