MENU
หน้าแรก | สมุดเยี่ยม l webbord | คำคมนักปราชญ์| ตำนานพื้นบ้าน | รักษ์ดนตรีไทย | มวยไทย | ภาพศิลป์ไทย | สินค้าฝากขาย | เทคนิคโปรแกรม | ที่นี่มีแต่ของฟรี | ลิ้งค์สุดยอด | ติดต่อเรา |
....

จังหวัดมุกดาหาร

ประวัติ วัดศรีมงคลใต้

สถานที่ตั้ง ถนนสำราญชายโขงใต้ ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร
ประวัติความเป็นมา
........................เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี ภายในอุโบสถประดิษฐานพระเจ้าองค์หลวง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ และศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ของจังหวัดมุกดาหารมาตั้งแต่อดีต มีประชาชนเลื่อมใสศรัทธามานานนับหลาย ชั่วอายุคนจนเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนชาวไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมาจนถึง ปัจจุบัน
.........................มีเรื่องเล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๑๐ หลังจากที่เจ้าจันทรสุริยวงศ์ เจ้าเมืองโพนสิม (คันธบุรี บริเวณพระธาตุอิงฮัง ประเทศลาวในปัจจุบัน) ถึงแก่กรรมแล้ว ท้าวกินรีได้เป็นเจ้าเมืองสืบต่อมาและได้อพยพผู้คนจาก บ้านโพนสิมเพื่อมาตั้งเมืองใหม่ วันหนึ่งพรานจากเมืองโพนสิม ได้ข้ามแม่น้ำโขงมาล่าสัตว์ตรงปากมุก
(บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหารในปัจจุบัน) ได้พบต้นตาลต้นหนึ่งมี ๗ ยอด และกองอิฐปรักหักพัง อยู่บริเวณนั้น ซึ่งสันนิษฐานว่าคงเป็นเมืองสมัยโบราณมาก่อน นายพรานจึงนำไปเล่าให้ท้าวกินรีฟัง เมื่อท้าวกินรีมาตรวจก็เห็นว่ามีทำเลดีเหมาะสมที่จะตั้งบ้านเรือน จึงได้ชักชวนพรรคพวกมาตั้งเมืองขึ้นใหม่ ขณะที่ท้าวกินรี กำลังควบคุมบ่าวไพร่ถางป่าใกล้ต้นตาล ๗ ยอด ก็พบพระพุทธรูป ๒ องค์ องค์หนึ่งมีขนาดใหญ่ เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนมีลักษณะสง่างาม และ อีกองค์เป็นพระพุทธรูปขนาดเล็กทำด้วยเหล็กอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ท้าวกินรีจึงสร้างวิหารครอบพระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้วตั้งชื่อว่า "วัดศรีมงคล" เมื่อประมาณ พ.ศ.
๒๓๑๓ เพื่อเป็นมงคลนามแก่ชาวเมือง (ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดศรีมงคลใต้) พระพุทธรูปองค์เล็กค่อย ๆ จมลงในดินจนในที่สุดเหลือแต่ยอดพระเกตุมาลา ท้าวกินรีจึงสร้างแท่นสักการะบูชาไว้ ณ ที่นั้นและ ถวายนามว่า "พระหลุบเหล็ก" ส่วนพระพุทธรูปองค์ใหญ่ยังคงประดิษฐานอยู่ในอุโบสถวัดศรีมงคลใต้ และ
ต่อมามีผู้ถวายนามว่า พระเจ้าองค์หลวง
ความสำคัญต่อชุมชน
...........................เป็นวัดสำคัญของจังหวัดมุกดาหาร พระเจ้าองค์หลวงนี้เป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของชาวมุกดาหาร และ เป็นที่เลื่องลือ ทั้งในด้านความศักดิ์สิทธิ์และพระพุทธานุภาพ คุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง จึงเป็นศูนย์กลางการทำพิธีกรรมในวันสำคัญทางศาสนา เช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา ประชาชนจะมาเวียนเทียนรอบอุโบสถ
ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
...........................ลักษณะโบสถ์หรือสิมเป็นแบบอีสาน ก่ออิฐถือปูนทรงเตี้ยแจ้ หลังคา ๒ ชั้น ประกอบด้วย ช่อฟ้า (โหง่) หางหงส์ ใบระกา ใช้สีฉูดฉาดตกแต่งให้สวยงาม เป็นสิมโถงก่อผนังยกพื้นสูงประมาณ ๕๐ เซนติเมตร มีประตู หน้าต่าง มีชานมุขยื่นออกมาด้านหน้าโบสถ์ มีบันไดขึ้นด้านข้าง ๒ ข้าง ลักษณะเด่นของสิม คือ ประตู
เข้าเป็นลายปูนปั้น ประดับลวดลายศิลปะอีสาน ส่วนยอดของลายปูนปั้นเป็นรูปพระอาทิตย์กับนาค ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ ระหว่างคนอีสาน กับคนกรุงเทพมหานคร (พระอาทิตย์ หมายถึง คนกรุงเทพ นาค หมายถึง คนอีสาน)
เส้นทางเข้าสู่วัดศรีมงคลใต้
..........................ไปตามถนนข้างโรงพยาบาลมุกดาหาร ผ่านหน้าศาลากลางตรงไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง วัดศรีมงคลใต้ จะอยู่ตรงข้ามกับ ด่านคนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร